วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผลประกอบการ Q2 มาแล้ว!!!! (Sector Bank)

จริงๆ ก็เกริ่นหัวให้เว่อร์แหละครับ แต่ถ้าใครสงสัยว่าทำไม Blogger ถึงให้ความสนใจกับผลประกอบการเหลือเกิน

ก็ต้องยอมรับครับว่า อาชีพ Broker เนี่ย อยู่กับตัวเลขทุกวันครับ แล้วผลประกอบการก็จะเป็นตัวชี้ให้เราเห็นว่าบริษัทฯที่ เราอุตส่าห์แนะนำลูกค้า ติดตามอ่านงบ ฟันธงราคาให้ซื้อ (ไม่กลัวหน้าแหกเลยเนี่ย) จะเป็นไปตามที่ข้อมูลที่เรามีหรือไม่

หลายคนอาจจะสงสัยนะครับว่า งั้นอาชีพ ผู้ตรวจสอบบัญชีก็น่าจะได้เปรียบซิ เพราะเขาจะรู้งบก่อนเพื่อน ก็ต้องชี้แจงเลยนะครับว่า ใช่และไม่ใช่ ครับ!!! ใช่คือ เขาจะรู้งบก่อนอาชีพอื่นจริงครับ แต่ก็ไม่ใช่ เช่นกันเพราะว่าตลาดก็จะมีการคาดการณ์ผลประกอบการไว้ครับ (นั่นแหละเลยทำให้เกิด อาชีพ นักวิเคราะห์ ไงครับ) แปลง่ายๆนะครับ คือ ไม่ว่าอาชีพไหนก็ไม่สามารถจะเอาชนะตลาดโดยอาศัยข้อมูลภายในได้ง่ายๆหรอกครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี (นักวิเคราะห์ขั้นเทพเนี่ย คาดการณ์งบฯของบริษัทที่จะออกมา คลาดเคลื่อนไม่เกิน +/- 5% ครับ เก่งจริงๆ)

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ Blogger สงสัยนะครับ ว่าข้อมูลที่นักวิเคราะห์แต่ละบล ได้มา ไม่ค่อยแตกต่างกันมากหรอกครับ คล้ายคลึงกันไปหมดด้วยซ้ำ แต่ราคาหุ้นที่เหมาะสม (Fair Price) ไม่เคยเท่ากันเลย ก็น่าสนใจดีฮะ ถ้าใครมีเวลาก็ลองเข้าไปอ่านวิธีวิเคราะห์ของ โบรกฯ แต่ละ โบรกฯ ละกันนะครับ อิอิ

ท้าวความมาตั้งนาน จริงๆ ก็อยากจะพูดถึงตารางเล็กๆ ที่ Blogger ไปเก็บมา อ่ะครับ แน่นอนว่ามันจะยังไม่เสร็จจนกว่าข้อมูลที่แท้จริงจะออกมาครับ แต่ก็ถือว่า Blogger ทำเอามันละกัน แล้วก็เป็น watch list ให้ได้ตามมาอัพเดทในภายหลังนะครับ จะขอเริ่มจากกลุ่ม ธนาคารละกัน เพราะกลุ่มนี้จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปทั่วโลกเลยครับว่าจะแจ้งผลประกอบการออกมาเร็วที่สุดกลุ่มหนึ่งเลยทีเดียว

ปล. ว่างๆจะอัพเดทเรื่องที่เกริ่นไว้ใน Facebook นะครับ ช่วงนี้ไม่ว่างจริงๆครับ แค่นั่งอ่านเรื่องมหภาค อย่างเดียวตอนนี้ยังปวดหัวเลยครับ ข้อมูลเยอะเกิน = ="







นอกจาก บทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์ที่ Blogger ทำงานแล้วก็ขออนุญาตเอาข้อมูลจาก Bloomberg Consensus มาใช้ควบคู่นะครับ เพื่อให้เห็นภาพประกอบกันไป :)

-

อันนี้ อัพเดทเพิ่มเติมครับ ข้อมูลกำไรที่ประกาศออกมาแท้จริง





สำหรับธนาคาร TISCO ประกาศผลประกอบการออกมาแล้วครับ ซึ่งที่ออกมาก็ถือว่าใช้ได้ครับ เพราะ TISCO จะเป็นธนาคารที่เน้นด้าน การเช่าซื้อ (Leasing) ครับ จะมีผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มากระทบพอสมควรเพราะไม่ใช่ธนาคารขนาดใหญ่ จึงมีผลในการแข่งขันได้ครับ แต่เมื่อมองย้อนหลังไป (มองจากงบประกอบการ ไง) ก็ถือว่าธนาคาร TISCO มีความสามารถในการแข่งขันได้ดีพอสมควรครับ ไว้จะอัพเดท ข้อมูลที่ออกมานะครับ จะได้เป็นการทดสอบด้วยว่าที่นักวิเคราะห์มองนั้น คาดการณ์ได้แม่นยำเพียงใดครับ

ส่วนธนาคาร KK หรือ เกียรตินาคิน นะครับ ก็ยังเป็นธนาคารที่อยู่ในกลุ่ม Leasing เป็นหลักครับ โดยที่เมื่อลงรายละเอียดลงไปก็พบว่า
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของ KK เพิ่มขึ้นสูงทั้ง QoQ(4.1%) และ YoY (14.7%)
- สินเชื่อโต (+6% QoQ) และเงินลงทุนก็โต (+38% QoQ)

- Net Interest Margin  หรือในบทวิเคราะห์จะเรียกว่า NIM ถ้าให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้ (รายได้) กับ ดอกเบี้ยเงินฝาก (รายจ่ายของธนาคาร) ลดลง 31 Basis Point ซึ่งถือว่าเป็นปกติของกลุ่มธนาคารในปีนี้ครับที่ธนาคารขนาดกลางจะต้องยอมลดส่วนต่างตรงนี้ลง เพื่อสู้กับธนาคารขนาดใหญ่ครับ

ส่วนสุดท้ายครับ KBANK ไม่ขอกล่าวมากละกันนะครับ (จริงๆ ไตรมาส 2 KBANK ปรับตัวดีมากครับ น่าจะดีที่สุดในกลุ่มธนาคารเลยครับ เพียงแต่ว่า มันจะขัดกับหลักธรรมาภิบาลที่ดีครับ ทำงานบริษัทในเครือกล่าวมากไม่ได้ครับ ก็เลยขอกล่าวตามที่ธนาคาร ออกมาประกาศละกันนะครับ)

KBANK มีความน่าสนใจในผลประกอบการที่โชว์ออกมาครับ กำไร 7.3 พันล้านบาท เน้นว่า กำไรครับ!! ไม่ใช่รายได้นะครับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 เกือบ 20% และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 42.29% ส่วน NIM แตะ 3.56% รับกับดอกเบี้ยขาขึ้น (แน่นอนครับว่ารายได้่ของธนาคารจะเพิ่มขึ้นครับ) และจากการที่ได้รายได้เบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น (จากการรวม เมืองไทยประกันชีวิตและเมืองไทยประกันภัย) ทำให้งบ 1H2011 โต 45.23% จุดเด่นของ KBANK อย่างหนึ่งคือ การที่สามารถรวมบริษัทย่อยในองค์กร

TMB เป็นธนาคารที่ laggard ที่สุดในกลุ่มธนาคารครับ สะท้อนผลประกอบการที่ออกมาแย่กว่าที่คาด
ส่วน SCB กับ BAY จะขอกล่าวถึงในภายหลังนะครับ

Blog นี้เราจะเป็น Watch List ให้คุณนะครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น