วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนวันที่ 11 ก.ค. 2554

 Daily view: หุ้นยังมีโอกาสขึ้นอยู่ในระยะสั้น เน้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มบ้าน

ในสัปดาห์นี้คาดว่าตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก

ขณะ ที่ปัจจัยการเมืองในประเทศจะเริ่มมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นลดลง โดยในช่วงต้นสัปดาห์ตลาดจะได้รับผลกระทบจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของจีนที่ประกาศออกมาสูงถึง 6.4% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อีกทั้งตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือนมิ.ย. ก็ออกมาสูงกว่าที่คาดเช่นกัน อย่างไรก็ตามช่วงท้ายสัปดาห์ตลาดหุ้นจะได้ รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการของบริษัทจะทะเบียนในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะออกมาดี ขณะที่นักลงทุนอาจเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร ที่จะประกาศออกมาดีในสัปดาห์หน้า

สำหรับมุมมองในระยะกลาง แม้ว่าจะไม่มีเรื่องนโยบายของภาครัฐ เราก็มีมุมมองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ว่าจะเป็นไปในลักษณะ sideway up มากกว่าที่จะขึ้นไปทันทีเนื่องจากตลาดหุ้นโลกยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ รวมถึงปัญหาหนี้ในยุโรปที่ยังไม่หมดไป ขณะที่การหมดลงของ QE2 จะจำกัดสภาพคล่องในตลาดโลก ซึ่งจะจำกัดกรอบการขึ้นของตลาดหุ้น ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงนี้หลังจากที่รับรู้ข่าวดีเรื่องการเมืองไปแล้ว ช่วงที่เหลือในไตรมาสที่ 3 ก็จะรอดูความชัดเจน และผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากนโยบายต่างๆ ดังนั้นเรายังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อยู่ โดยเรามอง Downside risk ของตลาดหุ้นไว้ที่ 1013 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 970 จุด (ในกรณีเลวร้ายที่สุด) ซึ่งการปรับฐานอาจจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค.
สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่า นั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น:  เรามองความเสี่ยงการลงทุนในระยะสั้นมีเพิ่มขึ้น ดังนั้นการเก็งกำไรแม้ว่าจะยังมี momentum ในเชิงบวกอยู่ ให้ดูจุด stop ทางเทคนิคด้วย คือลดพอร์ตเมื่อ SET ปรับลงมาต่ำกว่า 1069  หรือขายทำกำไรเมื่อ SET index เข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 1113 จุด ส่วนหุ้นที่เป็นกระแสในการเก็งกำไรช่วงนี้คือหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยคือเน้นเพิ่มการบริโภคในประเทศเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ และยังมี upside จากราคาพื้นฐานของนักวิเคราะห์ เช่น KTB BBL TISCO TCAP HMPRO LOXLEY RS MAJOR CENTEL AP SPALI

หุ้นแนะนำวันนี้:  AP HMPRO MINT

ส่วนปัจจัยภายนอก

ดัชนี DJ ปิดลบ 62.29 จุด หรือ 0.49% แตะที่ 12,657.20 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 9.42 จุด หรือ 0.70% แตะที่ 1,343.80 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 12.85 จุด หรือ 0.45% แตะที่ 2,859.81 จุด จากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ประจำเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน และยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.2% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 9.1% โดยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9%

ที่มา: บล กสิกรไทย จำัักัด (มหาชน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น