วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนวันที่ 18 ก.ค. 2554

Earnings Season Begin
หยุดทำการไป 3 วันเป็นไงกันบ้างครับ ผู้อ่านทุกท่าน (ปล จริงๆวันนี้ หลายๆท่านก็ยังคงหยุดอยู่ อิจฉาจริงๆ >_< ) จริงๆ วันพฤหัสตอนเย็นและวันศุกร์ที่ตลาด DJIA เปิดทำการแต่ก็ไม่มีผลอะไรมากมายครับ ตลาดหุ้นค่อนข้างนิ่งๆ เชียว :>

Daily View


คาดว่าตลาดยังคงประเด็นบวกให้เก็งกำไรได้ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น
1) ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ  โดยที่ผ่านมาประกาศออกมาดีกว่าที่คาด เช่น google citgroup และ JP Morgan
 2) ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารไทยที่คาดว่าจะออกมาดีเช่นกัน
 3) การจัดตั้งรัฐบาล และการแถลงนโยบาย และ
 4) การผ่านแผนเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งเราเชื่อว่าก่อนถึงวันที่ 2 ส.ค. สภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถตกลงกันได้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลการทำ stress test ที่มีเพียงธนาคาร 8 แห่งในยุโรป ที่ไม่ผ่าน น้อยกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เดิม (แต่ก็ีมีนักวิเคราะห์ออกมาให้มุมมองเพิ่มเติมว่า เป็นเพราะ ปัจจัยที่เอามาทดสอบนั้น ค่อนข้างจะเบาเิกินไป จึงทำให้มีหลายธนาคารที่รอดพ้นมาได้)

สำหรับตลาดในระยะกลางเรายังกังวลถึงปัญหาหนี้ในยุโรปที่อาจจะลุกลามออกไปประเทศใหญ่อื่นๆ ทั้งประเทศอิตาลี สเปน ปัญหาเงินเฟ้อในจีน รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะยังคงจำกัด upside ของตลาดหุ้น เราจึงยังมองว่า SET index จะเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up โดยยังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อยู่ โดยมี Downside risk ของตลาดหุ้นไว้ที่ 1013 ซึ่งการปรับฐานอาจจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค.

สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย หรือหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกไม่ฟื้นตัวขึ้นมาดังคาด Fed จะหันมาใช้ QE3 ซึ่งก็เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในเอเชียเช่นกัน ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด


เรายังคงลุ้นตลาด rebound ระยะสั้นในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมาย SET ที่ 1100 ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ลดพอร์ตอีกครั้งหนึ้ง หุ้นที่เป็นกระแสในการเก็งกำไรช่วงนี้คือ
1. หุ้นกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะประกาศผลประกอบการออกมาดี (KTB SCB)
2. กลุ่มอื่นๆ ที่คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลด้วยเช่น
2.1 HMPRO (คาดว่าจะจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น, ผลตอบแทน 1.6%)
2.2 MAKRO (4.40 บาทต่อหุ้น, 2.1%)
2.3 BAFS (0.33 บาทต่อหุ้น, 2.8%)
2.4 RATCH (1.1 บาทต่อหุ้น, 2.6%)
2.5 TTW (0.15 บาทต่อหุ้น, 2.7%)
2.6 ASP (0.07 บาทต่อหุ้น, 2.6%)
2.7 TUF (0.6 บาทต่อหุ้น, 1.2%)
2.8 TVO (0.87 บาทต่อหุ้น, 3.5%)
2.9  KH (0.1 บาทต่อหุ้น, 1.7%)
2.10 ADVANC (4.00 บาทต่อหุ้น, 3.5%)
2.11 BEC (0.75 บาทต่อหุ้น, 2.0%)
2.12 MAJOR (0.35 บาทต่อหุ้น, 2.2%)
2.13 MCOT (0.9 บาทต่อหุ้น, 3.0%)
2.14  TPC (0.5 บาทต่อหุ้น, 1.7%)
2.15 LPN (0.2 บาทต่อหุ้น, 1.9%)
2.16 SPALI (0.35 บาทต่อหุ้น, 3.0%)
2.17  ROJNA (0.30 บาทต่อหุ้น, 3.0%)
อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรควรมีจุด stop loss ตามสัญญาณทางเทคนิคประกอบด้วย
หุ้นแนะนำวันนี้:  KTB MCOT ROJNA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น