วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนวันที่ 5 ก.ค. 2554

Daily Views 


Strategy

ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากกว่าที่คาดเมื่อวานนี้ และดูเหมือนจะปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องในระยะสั้น จากเก็งกำไรเรื่องนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม domestic play เป็นหลัก เช่น ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี และข้าราชการ 15,000 บาทต่อเดือน ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% มีผลม.. ปีหน้า รับจำนำข้าว 15000 บาท เติมเงินกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท ฟื้นโครงการเอสเอ็มแอล บ้าน 0% 5 ปี รถคันแรกคืนภาษี เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ แก้ปัญหาหนี้รายละ 500,000 บาท บัตรเครดิตพลังงาน พัฒนา 25 ลุ่มน้ำ สร้างแอร์พอร์ตลิงค์ไปพัทยา รถไฟฟ้า 10 สายในกรุงเทพและปริมณฑล รถไฟความเร็วสูง หนองคายเชียงใหม่  30 บาทรักษาทุกโรค

ดังนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นอาจปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 1113 จุด หรือเป็นจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ว่าจะเป็นไปในลักษณะ sideway up มากกว่าที่จะขึ้นไปทันทีเนื่องจากตลาดหุ้นโลกยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ และการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การหมดลงของ QE2 จะจำกัดสภาพคล่องในตลาดโลก รวมถึงจำกัดการขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงนี้หลังจากที่รับรู้ข่าวดีเรื่องการเมืองไปแล้ว ช่วงที่เหลือในไตรมาสที่ 3 ก็จะรอดูความชัดเจน และผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากนโยบายต่างๆ ดังนั้นเรายังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อีกและต่ำกว่าระดับ 1000 จุด (downside risk อยู่ที่ 970 จุด) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในเดือนส.
สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3  

โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: หุ้นขึ้นแรงมากกว่าที่เราคาดไว้เมื่อวานนี้  โดยทะลุแนวต้าน 1082 ขึ้นมา ทำให้มีแนวโน้มว่าจะขึ้นไปได้ต่อทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1113 จุด  แต่เรายังคงแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรเมื่อหุ้นปรับเพิ่มขึ้น ส่วนการเก็งกำไร แนะนำหุ้นใน SET50 ที่นักลงทุนต่างประเทศยังซื้อคืนไม่มาก และยัง underperform SET เช่น TISCO KTB BBL PS LH HMPRO MINT BANPU และ SCC รวมถึงเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เช่น KTB BBL TISCO CPALL HMPRO SPALI PS LOXLEY RS MAJOR BGH MINT
หุ้นแนะนำวันนี้:  SPALI BBL MINT

กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในช่วงไตรมาสที่ 3/54  แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้น โดยเราเชื่อว่า stagflation หรือ Double dip ที่กังวลกันยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย โดยเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงช่วงนี้ เป็นผลเพียงแค่ระยะสั้น จากเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น

ที่มา: บล. กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)

การรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันนี้ ดังนี้

บล. ซีไอเอ็มบี ไทย ให้กรอบแนวต้านไว้ที่ 1,100 จุด แนะให้นักลงทุนทยอยขาย

บล.คันทรี่กรุ๊ป ให้กรอบเคลื่อนไหวดัชนีไว้ที่ 1,080 – 1,115 จุด แนะลงทุนหุ้น บมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) และบมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART)

บล. บีฟิท ให้แนวรับที่ 1,072 จุด และแนวต้านที่ 1,102 – 1,113 จุด แนะลงทุนบมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) และบมจ. จัสมินอินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)

บล. ไอร่า ให้กรอบเคลื่อนไหวดัชนีไว้ที่ 1,080 – 1,120 จุด แนะลงทุนหุ้น บมจ. ปตท. เคมิคอล (PTTCH)

ที่มา: www.stock2morrow.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น