วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนวันที่ 27 มิ.ย. 2554

A week before Election

Daily Views 

หนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง คาดว่า

1. ตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ sideway ด้วยมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากความไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้ง และวันหยุดยาวของไทย ในวันศุกร์ที่ 1 ก.ค. และวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. เป็นวันหยุดยาวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
2.ในช่วงต้นสัปดาห์ตลาดอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการที่ธนาคารอิตาลีถูกมูดีส์ประกาศลดอันดับเครดิต

อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายสัปดาห์อาจมีแรงเก็งกำไรจากเรื่องการทำ window dressing โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางจะทำให้การทำ window dressing ทำได้ง่ายขึ้น และการปรับตัวขึ้นอาจต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์หน้าหลังเลือกตั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตลาดรับรู้เรื่องในเชิงลบต่อปัจจัยการเมืองไปมากแล้ว ความชัดเจนที่มากขึ้นหลังเลือกตั้ง อาจทำให้เกิดแรงเก็งกำไรกลับขึ้นมาใหม่

อย่างไรก็ตามเราเรายังมองว่าช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานลงได้อีกและต่ำกว่าระดับ 1000 จุด (downside risk อยู่ที่ 970 จุด) จากการหมดลงของ QE2 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เราเชื่อว่าเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น และหากมองในแง่บวกการที่ราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มลดลงในช่วงนี้ จะเป็นผลดีต่อการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคง

เป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด
Strategy
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: การเก็งกำไรระยะสั้นที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ยังคงเป็นการเก็งกำไรในตลาดขาลงระยะกลาง โดยในสัปดาห์นี้ยังคงกลยุทธ์เดิม คือ
1. ตลาดลงต้นสัปดาห์เป็นโอกาสซื้อเก็งกำไร และขายทำกำไรช่วงท้ายสัปดาห์หรือต้นสัปดาห์หน้า 
2. การเก็งกำไรเรื่อง window dressing และปัจจัยด้านการเมือง โดยการปรับลดลงของราคาน้ำมัน

หุ้นที่จะได้รับผลดีคือ หุ้นในกลุ่ม domestic play
1. เช่นกลุ่มธนาคาร (KTB BBL SCB)
2. กลุ่มอสังหาฯ (SPALI  LPN) 
3. กลุ่มพาณิชย์ (CPALL ROBINS GLOBAL)
4. กลุ่มบันเทิง (MAJOR MCOT)
5. กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง (SVI TUF CPF)
หุ้นแนะนำวันนี้ (ของบริษัทหลักทรัพย์):  KTB TOP

กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในช่วงไตรมาสที่ 3/54  แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้น โดยเราเชื่อว่า stagflation หรือ Double dip ที่กังวลกันยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย โดยเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงช่วงนี้ เป็นผลเพียงแค่ระยะสั้น จากเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น

ที่มา: บล. กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น