วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

ข่าวจากฝั่งยุโรป (ประชุมดาวอส)

ข่าวจาก งาน World Economic Forum เป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจที่สุดของสัปดาห์ที่ผ่านมานี้

1. ผู้นำของ IMF ออกมากล่าวว่า โลกต้องผลักดันให้เกิดกำแพงในการแก้ปัญหาเรื่องยูโรโซน
                นาง คริสติน ลาการ์ด ได้กล่าวในวันเสาร์ว่าต้องรีบสร้างสถานการเงินที่เข้มแข็งเพื่อกันปัญหาจากเรื่องของยูโรโซน โดยย้ำว่าถ้าไม่เตรียมการมากจริงๆ จะแก้ปัญหาได้ไม่เพียงพอ ซึ่งผู้นำของ IMF ยังได้สนับสนุนรมว. Finance ของสหภาพอาณาจักรว่า IMF จะเร่งสนับสนุนการแก้ปัญหายูโรโซนซึ่งสิ่งแรกที่จะทำคือผลักดันบทบาทของผู้นำของยุโรปให้มากขึ้น โดยผู้นำบางท่านได้ตั้งขอสงสัยเกี่ยวกับความมั่นคงของค่าเงินยูโร โดยประเทศกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรปต้องการเห็นสมาชิกคนอื่นจ่ายเงินสมทบทุนให้ IMF (Stump Up = จ่ายเงินอย่างไม่เต็มใจ)
คำพูดที่น่าสนใจคือ “If it is big enough, it will not get used” Christine Lagarde MD IMF


2. In Davos, Europe Is Pressed for Debt Crisis Solution
                ผู้นำโลกกดดันให้ยุโรปทำการแก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมาโดยเฉพาะการใช้เงินช่วยเหลือแม้จะรู้ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยาก โดยเตือนว่าปัญหายูโรโซจะยังคงเป็นปัญหาที่คุกคามเศรษฐกิจโลกไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีความคิดเห็นจากนาย Motohisa Furukawa ผู้แทนฝั่งญี่ปุ่นว่า ยุโรปต้องแสดงเจตจำนงในการแก้ปัญหาให้มากกว่านี้ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ประเทศที่พัฒนาแล้วก็คงไม่ต้องการจ่ายเงินสมทบทุนให้กับ IMF  ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า Firewall ที่ผู้ถึงนี้ก็น่าจะหายถึงการตั้ง ESM (European Stability Mechanism) ซึ่งจะมีเงินให้ประเทศต่างๆได้กู้ยืมถึง 500 billion euros ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคมนี้ แทนกองทุนชั่วคราว โดยทางผู้นำของฟากยุโรปได้ออกมาพิจารณาที่จะเพิ่มเงินของกองทุนที่จะช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ปัญหายุโรปคุกคามออกไป ซึ่งผู้นำความคิดนี้คือประเทศเยอรมัน
ในระยะสั้นนั้น ผู้นำชาติต่างๆสามารถวางใจได้ว่าจะมีเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเพราะ ECB อัดฉีดเงินให้กับธนาคารพาณิชย์นั่นเอง ผู้นำกลุ่มยุโรปจับตาไปที่การเจรจาหาทางออกของปัญหาการล้มละลายของกรีซและดูเหมือนจะละเลยความอดทนของผู้จ่ายภาษีในการเพิ่มขอบเขตของการแก้ปัญหานี้

3. Sanctions to hit EU buyback firms: Iran oil chief
            ตัวแทนของบริษัทน้ำมันของอิหร่านออกมากล่าวในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า “บริษัทต่างๆในยุโรปที่เป็นเจ้าของสัมปทานในประเทศอิหร่านอาจจะเสียสิทธ์ในการส่งออกน้ำมันไปยังกลุ่มสหภาพยุโรปในอาทิตย์หน้า” เนื่องจากรัฐสภาของอิหร่านกำลังตัดสินใจในวันอาทิตย์ว่าจะอุปทานการส่งออกน้ำมันไปยังกลุ่มสหภาพยุโรปในเร็ววันนี้เพื่อเป็นการตอบโต้ท่าทีของสมาชิกสหภาพยุโรปที่จะหยุดนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

4. Greece, creditors on verge of clinching debt deal
                ตัวแทนของกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนออกมากล่าวเมื่อวันเสาร์ว่าการตกลงกันใกล้จะเสร็จสิ้นแล้วโดยยังเหลือเรื่องที่ต้องตกลงกันเล็กน้อยและคาดว่าจะเสร็จสิ้นได้ในสัปดาห์หน้า โดยเนื้อหาสำคัญคือการเปิดเผยแผนการช่วยเหลือและหลีกเลี่ยงปัญหาการล้มละลายที่ควบคุมไม่ได้นั่นเอง โดยนาย Jean-Claude Juncker รมว.การเงินของยุโรปออกมากล่าวย้ำความมั่นใจว่า ทั้งสองฝั่งจะเสร็จสิ้นแผนการได้ทันเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยทางฝั่งเจ้าหนี้ออกมาคาดการณ์ว่า ผู้ถือพันธบัตรจะยอมรับของตกลงของนาย Juncker ที่จะออกพันธบัตรฉบับใหม่ที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ได้ เพราะที่ผ่านมาเรื่องผลตอบแทนพันธบัตรเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการเจรจา ซึ่งรมว. ของกรีซก็ออกมาให้ความมั่นใจว่าสัปดาห์หน้าเรื่องการswap หนี้จะแล้วเสร็จได้ทัน
                Comment: ส่วนตัวคิดว่าเรื่องหนี้กรีซก็เป็นไปตามที่ทางทีมคาดการณ์แล้วว่า น่าจะแล้วเสร็จทันเส้นตายได้ โดยจะใช้วิธีการผลักหนี้ออกไปเรื่อยๆ แต่ที่น่าสังเกตคือ Credit rating ของประเทศกรีซนั้นจัดอยู่ในระดับ Junk Bond แต่การที่ขอดอกเบี้ยอยู่ที่ Rate 4% (เป็นอย่างมาก) นั้นก็ต้องมีประเทศอื่นใช้เรื่องกรีซเป็นต้นแบบในการเรื่องร้องขอประนอมหนี้ เช่น โปรตุเกส สเปน และอิตาลี เป็นต้น

5. Italy, Spain among EU Nations Downgraded by Fitch
            Fitch Ratings on Friday downgraded the sovereign credit ratings of Italy and Spain as well as Belgium, Cyprus, Slovenia, indicating there is a 1-in-2 chance of further downgrades in the next two years. In its statement,
            Fitch said these countries have near-term vulnerability to monetary and financial shocks.
            "Consequently, these sovereigns do not, in Fitch's view, accrue the full benefits of the euro's reserve currency status," Fitch said.



Fitch cut
Italy's rating to A- from A+
Spain to A from AA-
Belgium to AA from AA+
Slovenia to A from AA-
Cyprus to BBB- from BBB, leaving just one notch above junk status.
Ireland's rating of BBB+ was affirmed. (Maintain)

All of the ratings were given negative outlooks.

"Overall, today's rating actions balance the marked deterioration in the economic outlook with both the substantive policy initiatives at the national level to address macro-financial and fiscal imbalances, and the initial success of the ECB's three-year Long-Term Refinancing Operation in easing near-term sovereign and bank funding pressures," Fitch said.
Fitch's announcement follows a downgrade earlier this month by Standard & Poor's of nine euro zone countries, including Spain and Italy.

6. มุมมองของนายธนาคารจากธนาคารกลางตอบคำถามว่า ตอนนี้ Euro ยังน่าจะไปรอดได้
                คนที่ออกมากล่าวคือ Philipp Hildebrand ประธานธนาคารสวิสฯ ซึ่งจากการสำรวจธนาคารกลางต่างๆ จากสวิสฯ กลุ่มยูโรโซน อเมริกาเหนือและละตินอเมริกา ได้ว่า 21% ของผลสำรวจเชื่อว่าการใช้สกุลเงินเดียวกันของ 17 ชาติของยุโรปจะล้มใน 5 ปี แต่ก็มีถึง 35% ที่เชื่อว่าสกุลเงินยูโรจะยังคงใช้อยู่


วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

แนะนำ Page ใหม่ Wealth Plus II


Wealth Plus หมายถึงแผนกที่จะทำการบริหารสินทรัพย์ของลูกค้าโดยการให้คำแนะนำ หาแนวทาง ในสินทรัพย์ต่างๆให้กับลูกค้าภายใต้ผลตอบแทน และความเสี่ยงที่ลูกค้าสามารถยอมรับได้

http://www.facebook.com/pages/Wealth-Plus-II/137135313069526?ref=tn_tnmn
Asset Allocation มีจริงบนโลกใบนี้ด้วยเหรอ?

ไม่แน่ใจว่าหลายคนเคยสงสัย เหมือนผมมั้ยครับ? ทำไม? บริษัทหลักทรัพย์ถึงขายแต่สินทรัพย์เสี่ยงๆ เช่น หุ้น อนุพันธ์ จะไปซื้อกองทุน หาเงินฝากประจำ (สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำลงมา) ต้องไปธนาคาร จะไปซื้อพันธบัตรบางทีก็ต้องวิ่งไปธนาคารแห่งประเทศไทย จะซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศต้องไปซื้อที่ไหนเนี่ย? แล้วถ้าผมจะซื้อทองต้องไปเยาวราชมั้ย?

                ถ้าอยากให้สินทรัพย์ทั้งหมดที่ลงทุนสามารถแสดงออกมาได้ด้วย Report จากที่ใดที่หนึ่งเพียงแห่งเดียวล่ะ ดีมั้ย? Return คุณแสดงออกมาให้เห็นเลยว่าสินทรัพย์ที่คุณอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาเป็นระยะเวลานานจะได้ Return เท่าไหร่ในแต่ละปี และเมื่อเทียบกับ Benchmark ต่างๆ แล้วจะเป็นอย่างไร

                ผมเชื่อว่านักลงทุนหลายท่านเป็นเหมือนผมนะครับ คือเรียนรู้จากตำรามหาวิทยาลัยว่า การลงทุนต้องกระจายความเสี่ยง และจัดสรรการลงทุนให้เหมาะสม แต่ คิดแล้วก็อยากถามกลับไปว่า แล้วเมืองไทยทำแบบนั้นได้เหรอ บริษัทหลักทรัพย์ไหนบ้างล่ะจะมีฝากประจำ จะไปซื้อกองทุนก็ต้องหา บลจ ดีๆ ซักแห่งหนึ่ง ผมชอบกองทุนของบลจ นี้นะ แต่ผลตอบแทนที่ได้เมื่อเทียบกับ บลจ อื่นแล้วเหมาะสมหรือไม่ (เราได้มากกว่าหรือน้อยกว่าล่ะ?) ผมเชื่อนะว่าการลงทุนหลายๆท่าน ไม่ได้ติดอยู่ที่ Brand แต่เห็นว่าบลจ นี้โฆษณาทางโทรทัศน์บ่อยแฮะ โบรกแห่งนี้ตั้งมานานมีความน่าเชื่อถือ เพราะ การจะทำการกระจายความเสี่ยงและจัดสรรการลงทุนให้เหมาะสมนั้น
1. คุณต้องมีเวลา
2. คุณต้องมีความอุตสาหะ ใช้เวลาศึกษาเป็นเวลานาน
                แล้วถ้ามีตัวช่วยเหล่านี้ให้คุณล่ะครับ คุณจะรู้สึกอย่างไร? เพียงแค่คุณโทรหาเรา (ไม่ใช่แหละ) เพียงแค่คุณติดตามเราใน Page นี้ก่อนก็พอครับ แล้วค่อยตัดสินใจดูว่า มันน่าสนใจมากน้อยเพียงใด

                ปล. ส่วนตัวนะครับ ส่วนตัวจริงๆ Page นี้ผมจะไม่ได้ทำแค่คนเดียวเหมือนกับใน Broker’s  View Point  แต่จะมีผู้ที่เป็นมืออาชีพจริงๆเช่น Marketing ที่อยู่ในวงการมาร่วม 20 ปี กลุ่มมหาบัณฑิตจากมหาลัยในสหรัฐ อังกฤษ รวมถึงสถาบันชั้นนำของไทย เช่น NIDA CHULA แน่นอนครับว่าส่วนหนึ่งก็เพื่อโปรโมตทีมขึ้นมา แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นผมก็อยากจะเผยแพร่ความรู้และแชร์มุมมองแลกเปลี่ยนกับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านครับ
                ก็หวังว่า  Page “Wealth Plus II” จะได้รับการตอบสนองอย่างอบอุ่นจากเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านครับ 
http://www.facebook.com/pages/Wealth-Plus-II/137135313069526?ref=tn_tnmn

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์รายสัปดาห์ 16-20 มกราคม


กลยุทธ์ลงทุนรายสัปดาห์ (วันที่ 16-20 มกราคม 55)

ความเสี่ยงยังอยู่ครบ ตลาดพร้อมปรับฐานทุกเมื่อ

ความเสี่ยงต่อการปรับฐานมาจากหนี้ยุโรป และเม็ดเงิน LTF แนะลงทุนหุ้นผันผวนน้อยกว่าตลาด คือ กลุ่มหุ้นปันผลเด่น Big Cap: INTUCH, ADVANC, RATCH, CPALL  ส่วน Small Cap: SIRI, SC, TTW, SMIT
Top Picks SC และ RATCH


ธ.พ. กลาง- เล็ก กระทบสุดจากการเก็บค่าธรรมเนียมการออกตั๋ว B/E
นโยบายการจัดหาเงินของ BOT คาดว่าจะมี 3 ทางคือ
1) เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการออกตั๋ว B/E กับ ธ.พ. เพิ่มเติมจากเดิมที่ไม่เคยเรียกเก็บ ซึ่งหากมีการเรียกเก็บในอัตรา 0.35% ก็คาดว่าจะได้เงินเข้ากองทุนราว 7 พันล้านบาท
2) ขอให้นำรายได้จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีนิติบุคคลที่ภาครัฐจะปรับลด (30% >> 23%) รวมแล้วคือ 7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท
และ 3) จัดสรรค่าธรรมเนียม ที่ปัจจุบัน แบงค์ นำส่งเงินสมทบให้กับ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ในอัตรา 0.40% ในราว 87.5% ของเงินนำส่งสถาบันทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท

ซึ่งจะดีกว่าที่ทาง ASP และ ตลาดคาดการณ์ เพราะจะทำให้ต้นทุนการเงินของ ธ.พ. อยู่ที่ 0.62%ของเงินฝาก จากเดิมทิ่คิดว่าเลวร้ายสุดคือ 1% (เดินต้นทุนการเงินจะอยู่ที่ 0.4%)

จะทำให้กำไรสุทธิของธนาคารลดลงเพียง 7.61% (ถ้าธปท เรียกเก็บต้นทุนการเงินเป็น 1% จะทำให้กำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ลดลง 21%) ซึ่งวิธีการแบบนี้จะกระทบกับธนาคารหลักๆที่นิยมออกตั๋ว B/E  3 แห่งคือ TCAP, LHBANK, TISCO และตามมาด้วยธนาคารขนาดกลาง-เล็ก คือ KK และ BAY จึงแนะนำให้เน้นหุ้นใหญ่ที่กระทบน้อยคือ BBL, SCB, KBANK

การประมูลพันธบัตรของ Greece, Spain กดดันเงินยูโร และหุ้นโลกผันผวน

แม้การประมูลพันธบัตรจะออกมาดี แต่ในสัปดาห์หน้าการ Refinance ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดในระยะสั้นยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง การประมูลพันธบัตรของประเทศในกลุ่ม PIIGC ยังมีอยู่อีกจำนวนมากตลอด Q1 ซึ่งพันธบัตรในกลุ่ม PIIGC จะครบกำหนดราว 1.7 แสนล้านเหรียญฯ  โดยกรีซจะเป็นปัจจัยกดดันสถานการณ์กลุ่มยุโรปโดยรวม ซึ่งน่ากดดันให้ค่าเงินยูโรยังคงผันผวนแม้จะแข็งค่าขึ้นระยะสั้นมาอยู่ที่ 1.281 เหรียญฯต่อยูโร แต่น่าจะเป็นแนวต้านสำคัญ สวนทางกับ Dollar Index ที่ทรงตัว 80 จุดและมีโอกาสฟื้นตัว เป็นสัญญาณที่ชี้ว่าตลาดหุ้นโลกยังมีโอกาสผันผวนและปรับฐานระยะสั้นได้

ต่างชาติซื้อต่อเนื่องในภูมิภาค(เอเชีย) เป็น Week 2 แต่เริ่มขายไทย และอินโดฯ

ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิราว 781 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 31.7% โดยตลาดหุ้นไต้หวันถูกซื้อมากสุด (ไต้หวันกำลังมีการเลือกตั้งพอดี ซึ่งผลออกมาว่าประธานาธิบดีคนเดิม ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง) รองลงมาเป็นตลาดเกาหลี และเริ่มมีการขายสุทธิออกมา 83 ล้านเหรียญในตลาดหุ้นไทย

ที่มา: ศูนย์วิจัยเอเซีย พลัส 


วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

อยู่อ่าวไทยหรือจะไปคูริวแบงค์ ???

บทความนี้ ผมเขียนขึ้นมาด้วย ความคิดที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาอยู่ในหัว ซะงั้น ก็เลยขอเขียนเป็นนิทาน (ล้านบรรทัด)

เรื่องมันมีอยู่ว่า... มีชาวประมงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันอยากทำงานในแหล่งที่ตกปลาชุกชุมและมีจำนวนปลาหลากหลายสายพันธุ์ทำเงินให้กับตัวเขา ได้อย่างมากมาย สถานที่ๆจะสามารถทำให้เข้าประสบความสำเร็จตามความปรารถนาของเขาได้นั้น เมื่อตอนแรกเริ่มคืออ่าวไทยนั่นเอง แน่นอนด้วยคุณภาพของสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ปลาทะเลที่อ่าวไทยก็ทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจได้อย่างมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เป็นธรรมดาของปุถุชนทั่วไปที่จะรู้สึกเบื่อกับท้องทะเลที่แสนจะชินชา ก็เริ่มอยากจะออกไปสรรหา ความแปลกใหม่ให้กับชีวิตด้วยความใฝ่รู้ของเขา เขาจึงค้นพบว่าในโลกแห่งนี้ยังมีสถานที่ๆสามารถให้ความท้าทายกับเขาได้อีกนั่นคือแถวเกาะเล็กๆ ทางตอนเหนือ อันไกลแสนไกลที่ชื่อ คูริวแบงค์ ด้วยความที่อยู่มานานจนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นมือฉมังอันดับต้นๆของประเทศ ก็อยากจะออกไปสู่โลกกว้างใหญ่ นทีผืนใหม่ที่ไม่เคยมีใครในหมู่บ้านออกไปสัมผัส เพื่อความหวังที่จะตกปลาตัวใหญ่ๆ ให้ได้ขึ้นมา 

เขาใช้เวลาไม่นานก็เริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่เขาใฝ่ฝันนั้นยากไปรึเปล่า? การเดินทางอันแสนไกล? เรือที่ใช้ลำเล็กไป? ความกังวลใจหลายๆอย่างเริ่มเข้ามา จนเกิดคำถามว่า

ตกปลาอยู่ที่เดิมปลาตัวเล็ก แต่มีเยอะ เคยชิน และคุ้นกับเส้นทาง
ตกปลาที่แห่งใหม่ปลาตัวใหญ่ (ขนาดไหน) มีไม่เยอะ ไม่คุ้นทาง

คำถามที่ผมอยากถามให้เพื่อนๆได้ตอบในใจกัน ถ้าผมเปรียบเทียบว่าสิ่งที่ผมพูดคืองานที่คุณทำ กับที่ใหม่ที่คุณจะไป (หรือคิดจะไป) คุณจะเลือกตอบแบบไหนดีครับ?
อ่าวไทยหรือไปคูริวแบงค์ดี ????

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

หนังสือดีต้องบอกต่อ (1)


สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านบทความนี้กันทุกคนครับ ช่วงนี้มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ก็ดูเงียบเหงาเหลือเกิน บวกกับช่วงนี้ผมก็ย้ายงานไปอยู่บ้านหลังใหม่ ก็เลยไม่ค่อยได้ดูตลาดหุ้นซักเท่าไหร่นัก (กำลังทำ Product ให้ลูกค้าในหลายๆ ตัวอยู่ครับ
ก็เลยคิดว่าถือโอกาสนี้เขียนแต่บทความที่ผมอ่านแล้วรู้สึกชอบๆ มาให้อ่านกันครับ) มาจากหนังสือ เงินงอกเงย ของสำนักพิมพ์ The Nation ซึ่งเอามาทำเป็น 100 ภารกิจในการดูแลเงินในกระเป๋าของพวกคุณ
โดยหนังสือเงินงอกเงยนี้ ได้แปลมาจากหนังสือชื่อ Make More Money เป็นหนังสือที่รวบรวมหนังสือคลาสสิก 4 เล่ม (1. Think and Grow Rich, 2. The Way to Wealth, 3. The Richest Man in Babylon, 4. Extraordinary Popular Delusions and the Madness of Crowds) มาใส่เคล็ดลับทางการเงิน ให้ข้อคิดเตือนใจกับนักอ่านทุกคนครับ

ครั้นจะเอามาทุกบทความผมก็กลัวหนังสือจะฟ้องร้องผมได้ (ก็ขอคัดเป็นตอนๆ ละกันนะครับ ที่ผมชอบจริงๆ) ก็จะขอเริ่มจากตอนในหนังสือชื่อ The Richest Man in Babylon เป็นหนังสือที่ตัวเอกคือบันชีร์ ผู้พยายามหาทางหลุดพ้นจากความยากจน จนไปพบกับเศรษฐีแห่งบาบิโลนผู้แนะนำเคล็ดลับมากมายในการสร้างความมั่งคั่ง และที่สำคัญยังนำเสนอหลักการ 7 ข้อในการเก็บรักษาเงินในกระเป๋าเอาไว้อีกด้วย

ภารกิจที่ 33 คนแบบเดียวกัน ชอบอยู่ด้วยกัน

บันชีร์สับสนกับสถานการณ์ของตัวเอง เขาบอกเพื่อนว่า "หลายปีมานี้เราทำมาหากินได้เงินมามากพอควร แต่หลังจากตรากตรำมาครึ่งชีวิต..เพื่อนรัก..กระเป๋าของเจ้ายังว่างเปล่าของข้าก็ไม่มีอะไรเหมือนกันกัน มันเป็นเพราะอะไร"

      ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนที่มีนิสัยคล้ายกันมันอยู่ด้วยกันได้เวลาคนเราตัดสินว่าอะไร "ปกติ" หรือยอมรับได้ เรามันมองไปที่คนรอบๆ ตัวว่าเขาคิดอย่างไร พ่อแม่ ครูและเพื่อนต่างมีอิทธิพลต่อความคิดและสิ่งที่เราเชื่อ ผลในด้านดีคือ ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ แต่ว่าผลเสียก็มีเหมือนกัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราพยายามจะหนีออกนอกกรอบ เมื่อนั่นเราจะพบกับแรงต้านเสมอ

      มีการทดลอดหนึ่งที่สามารถอธิบายความจริงข้างต้นได้อย่างมีน้ำหนัก นักวิทยาศาสตร์นำลิงหลายตัวมากักรวมกันไว้ มีเสาไม้สูงอยู่ตรงกลางคอก บทยอดมีกล้วยแขวนอยู่หนึ่งเครือ ลิงที่พยายามปีนขึ้นไปบนเสาจะถูกฉีดด้วยน้ำแรงดันสูง แม้วิธีนี้จะไม่ทำให้ลิงบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสำหรับมัน ในที่สุดลิงทุกตัวก็เลิกล้มความพยายามจะปีนเสาขึ้นไปเก็บกล้วย

      จากนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้แยกลิงตัวหนึ่งออกมา แล้วนำลิงตัวใหม่เข้าไปไว้ในคอกกัก แม้ลิงตัวใหม่จะเข้ากันได้ดีกับลิงที่เหลือ แต่ทุกครั้งที่ลิงตัวใหม่ปีนขึ้นไปบนเสาเพื่อหยิบกล้วย ลิงที่เหลือจะพากันดึงมันลงมา ทั้งที่ไม่มีใครฉีดน้ำใส่ ประสบการณ์สอนให้พวกมันเชื่อว่า ถ้าปีนขึ้นไปบนเสาจะต้องเจ็บตัว ด้วยเหตุนี้มันจึงพยายาม "ช่วย" ลิงตัวใหม่ไม่ให้ต้องเจ็บตัวเหมือนกัน

     ไม่นานนัก เจ้าลิงตัวใหม่ก็ไม่ยอมปีนขึ้นไปบนเสาอีก ลิงกลุ่มแรกถูกเปลี่ยนออกไปทีละตัว มีลิงตัวใหม่เข้ามาแทนจนครบ จนกระทั่งไม่มีลิงตัวใดในกรงที่เคยเห็นหรือมีประสบการณ์เคยถูกน้ำพ่นใส่ ถึงกระนั้นก็ไม่มีลิงตัวไหนกล้าปีนขึ้นไปบนเสาเลย

    มนุษย์เราก็เหมือนลิงในการทดลองนี้ เราตัดสินว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่โดยดูจากคนรอบข้าง ถ้าคุณเป็นหนี้ แล้วครอบครัวหรือเพื่อนคุณก็เป็นหนี้เหมือนกัน คุณก็คงคิดว่าการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ใช่ไหม อันที่จริงการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องดี แต่ถึงคุณจะรู้และพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง คนรอบข้างก็จะพยายาม "ดึงคุณลงมาจากเสา" ในด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะคนเหล่านั้นไม่อยากเห็นคุณล้มเหลว แต่อีกด้านหนึ่งเข้าก็ไม่อยากเห็นประสบความสำเร็จเหมือนกัน มิฉะนั้นพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย
 
    ดังนั้นถ้าคุณพยายามเปลี่ยนสภาพที่เป็นอยู่ คุณจะพบกับการต่อต้าน เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนที่น่าจะรักเรามากที่สุด กลับเป็นคนที่ำให้เราหมดกำลังใจมากที่สุด (โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน)

    แล้วคุณล่ะ? อยากกินกล้วยหรืออยากถูกดึงลงจากเสา??

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

Happy New Year :D :D D:


ขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังซักหน่อยนะครับ ปี 2555 ก็หวังว่าทุกคนจะได้หัวเราะกันเหมือนกับตัวเลขพุทธศักราชนะครับ บทความที่เอามาเผยแพร่กันอันนี้จะไม่เกี่ยวกับการเงินเสียบ้างนะครับ แต่จะขออิงกับเรื่องการตลาดบางดีกว่า J ผมนำบทความนี้มาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจประจำวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2555 ของดร. วิเลิศ ภูริวัชร ท่านอาจารย์ประจำคณะผมนะครับ (อิอิ) โดยท่านได้ยกเอาบทความจากแหล่งข้อมูลของ Top-ten New Years Resolutions ของปี 2012 ซึ่งได้ศึกษาว่าคนต่างๆ ตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไรกันบ้างในปีใหม่นี้ (ตั้งเป้ากันทุกปีเลยอ่ะ ฮ่าๆ)

อันดับ 10 Lose weight and Get Fit อยากลดน้ำหนัก อยากฟิตหุ่น ความปรารถนาของเกือบทุกคนเลยแหละครบ อยากเท่ อยากหุ่นดี (ผมก็คนนึงแหละ เอา Six Pack ของผมกลับมา!!!! ว่าแต่เคยมีตอนไหนหว่า??? 555)

อันดับ 9 Getting organized อยากเป็นคนที่มีวินัยมากขึ้น เพราะชีวิตช่างยุ่งเหยิงเสียเหลือเกิน ข้อนี้สงสัยต้องใช้เทคโนโลยีช่วยแก้ไข (อาจารย์ผม แสดงความคิดเห็นข้อนี้มา)

อันดับ 8 Spend less Save more อยากใช้จ่ายน้อยลงและประหยัดอดออมวางแผนทางการเงินได้มากขึ้น

อันดับ 7 Quit Smoking อยากจะเลิกสูบบุหรี่ ข้อนี้สงสัยต้องใช้กำลังใจอย่างมากเลยนะครับ เอาใจช่วยเพื่อนๆ ทุกคนที่สูบบุหรี่แล้วอยากเลิกนะครับ

อันดับ 6 Get out of Debt อยากเลิกเป็นหนี้ (การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ) สงสัยต้องใช้อันดับ 9 ช่วยด้วย

อันดับ 5 Quit the Job อยากลาออกจากงาน เพราะงานที่ทำอยู่ มีแต่ความซ้ำซากจำเจ ไม่มีอะไรดีขึ้น การแสวงหาสิ่งใหม่ ประสบการณ์ใหม่ เป็นความหวังของการทำให้ชีวิตคนเรามีสีสัน (ปล อันดับนี้ผมทำไปแล้วซะด้วยสิ ฮ่าๆ)

อันดับ 4 Spend More Time with Family and Friends ตั้งใจอยากมีช่วงเวลาให้กับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น

อันดับ 3 Helping Others with Their Dreams อันนี้คือผมจะเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคมให้มากขึ้น ช่วยเหลือคนด้อยโอกาสเพื่อบรรลุฝัน (AF, The Star, Got Talent หรือจะเป็นนางสาวไทยดีเอ่ย??)

อันดับ 2 Fall in Love อยากจะตกหลุมรักใครสักคน <3 ดูเสมือนว่าคนในโลกต่างล้วนแสวงหาความรักเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจให้กลับมามีความกระชุ่มกระชวยอีกครั้งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจที่อยากจะได้รับความสุขทางใจมากขึ้น อันดับนี้ก็อยากให้เกิดให้ผมเหมือนกันนะครับ อิอิ

อันดับ 1 ที่คนอยากได้ และอยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดเป็นเรื่องของ Enjoy Life to the Fullest คืออยากจะมีความสุขตามอัตภาพได้เต็มที่ เพราะทุกปีที่ผ่านไปหมายถึงว่าชีวิตที่มีอายุมากขึ้นทุกทีๆ การตั้งปณิธานว่าขอมีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกขณะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะสะท้อนถึงการใช้ชีวิตในปีที่ผ่านมาไม่ได้เต็มที่ ไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่ตนเองวาดฝันเอาไว้ การมุ่งมั่นที่ขอให้ตนเองมีความสุขในทุกขณะแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ชีวิตก้าวเดินต่อไป (แน่นอนครับสำคัญกว่าการตกหลุมรักใครสักคนอีก อิอิ)


นอกจากเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วนั้น อาจารย์วิเลิศ ก็ได้ให้แนวทางการทำให้ปณิธานเกิดขึ้นจริงได้ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน ความหวังในเดือน 2 เดือนแรก เท่านั้น โดยแบ่งออกเป็น 4 ประการคือ

1. ระบุเป้าหมายชัด เป็นการระบุเป้าหมายให้แน่นอน อะไรคือสิ่งใดสำคัญในชีวิตก่อนหลัง ที่สำคัญต้องสามารถวัดได้และมีความชัดเจนในการกระทำ

2. วัดเล็กๆ แล้วไปใหญ่ เป้าหมายที่สามารถทำได้จริง อย่าเพ้อฝันให้เป็นเรื่องใหญ่ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เป็นไปได้ก่อน

3. หาเป้าหมายใหม่ ที่ทดแทนของเก่า เช่น ถ้าต้องการเลิกบุหรี่ ก็ขอให้นึกกิจกรรมอื่นที่จะนำมาเป็นนิสัยทดแทน

4. ใจมองในแง่ดี หมายความว่า ปณิธานที่มุ่งมั่นต้องเป็นทางบวกเท่านั้น เช่นแทนที่จะคิดว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ไปสาย ควรจะเป็น จะไปให้ทันเวลาแทน

ที่มา Market is all around! :ดร. วิเลิศ ภูริวัชร
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555