วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนประจำวันที่ 13 กรกฏาคม 2554

รีบาวด์ระยะสั้น บนความเสี่ยงระยะกลางที่เพิ่มขึ้น

ตลาดยังคงกังวลว่าปัญหาหนี้ในยุโรปจะลุกลามออกไปประเทศใหญ่อื่นๆ ทั้งประเทศอิตาลี สเปน หลังจากมูดีส์ประกาศลดอันดับเครดิตของประเทศไอร์แลนด์สู่ระดับขยะ ต่อจากประเทศกรีซ พร้อมเสริมว่าไอร์แลนด์อาจต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินอีกรอบ นอกจากนี้มูดีส์มีแนวโน้มว่าจะปรับลดอันดับเครดิตธนาคารอิตาลีอีก ซึ่งเราเชื่อว่าปัญหาหนี้ในยุโรปจะต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ตลาดยังกังวลว่าสหรัฐฯ ยังไม่อาจบรรลุข้อตกลงการเพิ่มเพดานหนี้ได้ ซึ่งเราคาดว่าในที่สุดคงจะบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่อาจแลกมาด้วยการตัดงบประมาณลงตามข้อเรียกร้องของสภาคองเกรส ซึงปัจจัยดังกล่าวจะยังคงกดดันตลาดต่อไปในระยะกลาง แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นได้รับรู้ข่าวดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นตลาดระยะสั้นคงนิ่งขึ้น และรอลุ้นผลประกอบการของสหรัฐฯ และผลประชุมของ EU ในวันศุกร์นี้ รวมถึงการกล่าวถึง QE3 ว่าอาจจะนำมาใช้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวช้าเกินไปจนไม่สามารถฉุดอัตราว่างงานให้ลดลงได้
สำหรับมุมมองในระยะกลาง เรายังคงมุมมองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ว่าจะเป็นไปในลักษณะ sideway up โดยยังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อยู่ โดยเรามอง Downside risk ของตลาดหุ้นไว้ที่ 1013 ซึ่งการปรับฐานอาจจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค. สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย หรือหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกไม่ฟื้นตัวขึ้นมาดังคาด Fed จะหันมาใช้ QE3 ซึ่งก็เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในเอเชียเช่นกัน ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น:  ใน 2 วันที่ผ่านมาตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปมากพอสมควรแล้วกับปัญหาหนี้ในยุโรป จากนี้ไปเราลุ้นข่าวดีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นซึ่งประกอบไปด้วย 1) ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ และธนาคารไทยที่คาดว่าจะออกมาดี 2) ผลประชุมของ EU ในวันศุกร์นี้ ว่าจะมีแผนแก้หนี้ยุโรปอย่างไร 3) การผ่านแผนเพิ่มเพดานหนี้ในสหรัฐฯ และ 4) การจัดตั้งรัฐบาล ครม. และการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ ดังนั้นยังคงมุมมองว่าตลาดหุ้นอาจ rebound ขึ้นมาในปลายสัปดาห์นี้ จนถึงสัปดาห์หน้า โดยมีเป้าหมาย SET ที่ 1100 ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ลดพอร์ตอีกครั้งหนึ้ง ส่วนหุ้นที่เป็นกระแสในการเก็งกำไรช่วงนี้คือหุ้นในกลุ่มหุ้นขนาดกลางเช่นกลุ่มโรงแรม (MINT CENTEL) กลุ่มพาณิชย์ (HMPRO BIGC) กลุ่มบ้าน (AP SPALI) กลุ่ม ICT (LOXLEY) กลุ่มบันเทิง (RS MCOT) โดยวันนี้อาจมีหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร rebound ขึ้นมาช่วย 

หุ้นแนะนำวันนี้:  PTT KTB CENTEL

กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในช่วงไตรมาสที่ 3/54  แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่า ตลาดหุ้นยังมีโอกาสขึ้นไป 1250 จุด ในไตรมาสที่ 4 ดังนั้นแนะนำให้ถือหุ้นพอร์ตต่อไป และการปรับฐานเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นเพิ่ม โดยยังคงแนะนำให้สะสมเพิ่มเมื่อ SET index ต่ำกว่า 1040 จุด

ที่มา: บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทยจำกัด (มหาชน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น