วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มีโอกาสสูงไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1113

Daily view:

1. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยและสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ยังคงเป็นประเด็นหลักสนับสนุนการปรับขึ้นของตลาดหุ้นอยู่
2. ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า วุฒิสมาชิก 6 คนของสหรัฐให้การสนับสนุนแผนของโอบามาในการลดงบประมาณการใช้จ่าย 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า และการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล ทำให้เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นอยู่
3. ข่าวดีจากนี้ไปคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าคาด รวมถึงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล และการแถลงนโยบาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นในกลุ่มบริการ

นอกจากนั้นเราเชื่อว่าก่อนถึงวันที่ 2 ส.ค. สภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถตกลงกันได้เรื่องการเพิ่มเพดานหนี้

สำหรับตลาดในระยะกลางเรายังกังวลถึงปัญหาหนี้ในยุโรปที่อาจจะลุกลามออกไปประเทศใหญ่อื่นๆ ทั้งประเทศอิตาลี สเปน ปัญหาเงินเฟ้อในจีน รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะยังคงจำกัด upside ของตลาดหุ้น เราจึงยังมองว่า SET index จะเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up โดยยังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อยู่ โดยมี Downside risk ของตลาดหุ้นไว้ที่ 1013 ซึ่งการปรับฐานอาจจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค.
สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย หรือหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกไม่ฟื้นตัวขึ้นมาดังคาด Fed จะหันมาใช้ QE3 ซึ่งก็เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในเอเชียเช่นกัน

ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น:  เรายังคงมีมุมมองว่าตลาดยังมีโอกาสซิกแซกขึ้นได้ต่อ ในระยะสั้น โดยมีเป้าหมาย SET ที่ 1113 (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1100)  ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ลดพอร์ตอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกระแสการเก็งกำไรแม้ว่าจะยังคงอยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่เราเชื่อว่าตลาดจะเริ่มหันมาเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงินมากขึ้น หลังจากหมดข่าวดีเรื่องผลประกอบการธนาคาร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยแนะนำหุ้นขนาดใหญ่และกลาง ที่ยังค่อนข้าง laggard เช่น PTT PTTEP LH AP MINT MCOT รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไรออกมาดี และมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลด้วยเช่น HMPRO (คาดว่าจะจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น) MAKRO (4.40 บาทต่อหุ้น) BAFS (0.33 บาทต่อหุ้น) RATCH (1.1 บาทต่อหุ้น) TTW (0.15 บาทต่อหุ้น) ASP (0.07 บาทต่อหุ้น) TUF (0.6 บาทต่อหุ้น) TVO (0.87 บาทต่อหุ้น) KH (0.1 บาทต่อหุ้น)  ADVANC (4.00 บาทต่อหุ้น) BEC (0.75 บาทต่อหุ้น) MAJOR (0.35 บาทต่อหุ้น) MCOT (0.9 บาทต่อหุ้น) TPC (0.5 บาทต่อหุ้น) LPN (0.2 บาทต่อหุ้น) SPALI (0.35 บาทต่อหุ้น) ROJNA (0.30 บาทต่อหุ้น) อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรควรมีจุด stop loss ตามสัญญาณทางเทคนิคประกอบด้วย

หุ้นแนะนำวันนี้:  PTT LH STEC

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น