วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนประจำวันที่ 22 กรกฏาคม 2554

      ข่าวดียังเหลืออยู่ แต่น้อยลงเรื่อยๆ  
          ข่าวดีต่างๆ ที่เรารอคอยเริ่มทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในไทยและสหรัฐที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง และการแก้ปัญหาหนี้กรีซที่ได้ข้อสรุป และเรายังเชื่อว่าจะยังมีข่าวดีรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น
1) การรายงานผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าคาด รวมทั้งการประกาศจ่ายปันผล
2) การเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ภายในวันที่ 2 ส.ค. นี้
และ 3) การแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ ดังนั้น ทำให้เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นอยู่จนถึงต้นเดือนส.ค. อย่างไรก็ตามหากข่าวดีต่างๆ เหล่านี้กำลังจะทยอยหมดไป และจะเริ่มหาข่าวดีกระตุ้นตลาดระยะสั้นได้น้อยลง
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: 
 เรายังคงมีมุมมองว่าตลาดยังมีโอกาสซิกแซกขึ้นได้ต่อ ในระยะสั้น โดยมีเป้าหมาย SET ที่ 1113  หรือขึ้นได้จนถึงต้นเดือนส.ค. นี้ ก่อนที่จะแรงขายทำกำไรออกมา โดยแนะนำหุ้นขนาดใหญ่และกลางซึ่งเป็นเป้าหมายของต่างชาติ และยังค่อนข้าง laggard เช่น PTT PTTEP LH AP MINT MCOT รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไรออกมาดี และมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลด้วยเช่น HMPRO (คาดว่าจะจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น) MAKRO (4.40 บาทต่อหุ้น) BAFS (0.33 บาทต่อหุ้น) CPF (0.50 บาท) RATCH (1.1 บาทต่อหุ้น) TTW (0.15 บาทต่อหุ้น) ASP (0.07 บาทต่อหุ้น) TUF (0.6 บาทต่อหุ้น) TVO (0.87 บาทต่อหุ้น) KH (0.1 บาทต่อหุ้น) ADVANC (4.00 บาทต่อหุ้น) BEC (0.75 บาทต่อหุ้น) MAJOR (0.35 บาทต่อหุ้น) MCOT (0.9 บาทต่อหุ้น) TPC (0.5 บาทต่อหุ้น) LPN (0.2 บาทต่อหุ้น) SPALI (0.35 บาทต่อหุ้น) ROJNA (0.30 บาทต่อหุ้น) อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรควรมีจุด stop loss ตามสัญญาณทางเทคนิคประกอบด้วย
หุ้นแนะนำวันนี้:  MCOT LOXLEY TICON CPF

External Factor

ดัชนี DJ พุ่งขึ้น 152.50 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 12,724.41 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.96 จุด หรือ  1.35% ปิดที่ 1,343.80 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 20.20 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 2,834.43 จุด  โดยในช่วงครึ่งแรกของการซื้อขาย ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่กับกรีซ ส่วนในช่วงบ่ายตลาดปรับตัวสูงขึ้นอีก ขานรับข่าวที่ว่า ที่ประชุมฉุกเฉินของผู้นำยุโรปมีมติให้ความช่วยเหลือด้านการเงินรอบที่ 2 สำหรับกรีซ ด้วยวงเงินรวม 1.09 แสนล้านยูโร ขณะเดียวกัน ผู้นำยุโรปมีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินต้นให้กับกรีซ เหมือนกับที่เคยให้ไอร์แลนด์และโปรตุเกสมาแล้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้นำยุโรปยังเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ให้สามารถจัดหาเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาด้านการเงินก่อนที่จะเกิดวิกฤติ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะถอนรากถอนโคนปัญหาหนี้ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเงินก็ได้รับแรงหนุน หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีเกินคาด ขณะที่ Keefe Bruyette & Woods ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการธนาคารระบุว่า ในบรรดาธนาคาร 30 แห่งที่มีการเปิดเผยผลประกอบการนั้น มีธนาคารถึง 24 แห่งที่มีผลประกอบการที่ดีเกินคาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น