วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลยุทธ์การลงทุนวันที่ 7 ก.ค. 2554

ความเสี่ยงการลงทุนระยะสั้นเพิ่มขึ้น

แม้ว่าเมื่อวานนี้ทางการจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาด DJ ก็สามารถ
ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากการเก็งกำไรเรื่องตัวเลขจ้างงานที่คาดว่าจะออกมาดีในคืน
นี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรากังวลคือการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น 300 บาทมีผลใน
วันที่ 1 ม.ค. แม้ว่าจะมีการลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 23% ก็ตาม ซึ่งจะส่งผล
กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก และธุรกิจ SME นอกจากนี้จะมี
ผลกระทบต่อเงินเฟ้ออย่างรุนแรง แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงจากยกเลิกกองทุน
น้ำมันก็ตาม อย่างไรก็ตามกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลบวกคือ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่ม
โรงแรม กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่ม ICT กลุ่มบันเทิง กลุ่มหลักทรัพย์ ขณะที่กลุ่มที่
ได้รับผลเสียเช่นกลุ่มยานยนต์ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ กลุ่มเกษตร กลุ่มรับเหมา
ก่อสร้าง กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงการ
ลงทุนในระยะสั้น

ส่วนมุมมองในระยะกลาง แม้ว่าจะไม่มีเรื่องนโยบายของภาครัฐ เราก็มีมุมมองต่อ
การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ว่าจะเป็นไปในลักษณะ sideway up มากกว่าที่จะขึ้น
ไปทันทีเนื่องจากตลาดหุ้นโลกยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ และการชะลอการฟื้น
ตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัญหาหนี้ในยุโรปที่ยังไม่หมดไป ขณะที่การหมดลง
ของ QE2 จะจำกัดสภาพคล่องในตลาดโลก ซึ่งจะจำกัดการขึ้นของหุ้นกลุ่ม
พลังงาน ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงนี้หลังจากที่รับรู้ข่าวดีเรื่องการเมืองไปแล้ว ช่วงที่
เหลือในไตรมาสที่ 3 ก็จะรอดูความชัดเจน และผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจาก
นโยบายต่างๆ ดังนั้นเรายังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้
อยู่ อย่างไรก็ตามเราอยู่ระหว่างการปรับ downside risk ของตลาดหุ้นใหม่ ซึ่งคาด
ว่าจะสูงกว่าที่ทำไว้เดิมที่ 970 จุด (ในกรณีเลวร้ายที่สุด) ซึ่งการปรับฐานอาจจะ
เกิดขึ้นในเดือนส.ค.

สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการ
ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อ
ในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย ดังนั้น
เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3

เป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: ความเสี่ยงการลงทุนในระยะสั้นมีเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาล
ยืนยันจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันมีผล 1 ม.ค. ปีหน้า ดังนั้นการเก็งกำไรให้ดู
จุด stop ทางเทคนิคด้วย ส่วนหุ้นที่เป็นกระแสในการเก็งกำไรช่วงนี้คือหุ้นที่คาดว่าจะ
ได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เช่น KTB BBL TISCO CPALL HMPRO
LOXLEY RS MAJOR BGH KH MINT

หุ้นแนะนำวันนี้: BIGC RS

กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยง
ในช่วงไตรมาสที่ 3/54 แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่า ตลาดหุ้นยังมีโอกาสขึ้นไป
1250 จุด ในไตรมาสที่ 4 ดังนั้นการปรับฐานเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้น งแนะนำให้สะสมซื้อเมื่อ SET index ต่ำกว่า 1040 จุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น