Strategy
ความเสี่ยงระยะสั้นในตลาดหุ้นยังคงสูงอยู่จากแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงหลังจาก S&P ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ลงจาก AAA เหลือ AA+ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้เรายังมีความเสี่ยงจากความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง (Double Dip) และวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามไปทั่วยุโรป โดยเราเชื่อว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะยังคงอยู่ในช่วง 1-2 อาทิตย์ข้างหน้า เพราะในช่วง 2 เดือนจากนี้อิตาลีจะมีจำนวนหนี้มหาศาลที่ต้องชำระคืน
นอกจากนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ยังคงกดดันตลาดได้อยู่
สำหรับอาทิตย์นี้ปัญหาเงินเฟ้อในเอเชียอาจกลับมาใหม่ เพราะประเทศจีนจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ ดังนั้นในระยะสั้นตลาดยังมีโอกาสปรับฐานได้อยู่
แม้ว่าในระยะสั้นเรายังกังวลถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองที่เป็นบวกในระยะกลาง และมองการปรับฐานเป็นโอกาสในการสะสมซื้อ โดยมอง downside risk ที่ 1060 จุด
เนื่องจาก 1) เราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น เราไม่คิดว่าจะเกิด Double dip เนื่องจากหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกไม่ฟื้นตัวขึ้นมาดังคาด Fed จะหันมาใช้ QE3
2) ปัญหาหนี้ในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีและสเปน สุดท้ายจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF และ EU
3) แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง หรือต้นปีหน้า หลังจากราคาน้ำมันปรับลดลงมาอย่างรุนแรง และอยู่ต่ำกว่า USD100/bbl เป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียก็แข็งแกร่งกว่าประเทศพัฒนามาก
และ 4) การปรับลดงบประมาณรายจ่ายของสหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯ ยังคงต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ซึ่งนั้นหมายถึงการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ แต่อัตราดอกเบี้ยเอเชียยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งนั้นจะนำไปสู่การทำ Dollar carry trade ในระยะต่อไป โดยเราคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: แนะนำให้จำกัดเงินในการเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง โดยการเก็งกำไรที่เกิดขึ้นจากนี้อาจเน้นไปที่ หุ้นที่มี P/E ถูก ผลประกอบการคาดว่าจะออกมาดี และได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ เช่นหุ้นกลุ่ม ICT DTAC LOXELY AIT SAMTEL SAMART กลุ่มผุ้ประกอบการบ้าน LH AP SPALI กลุ่มสื่อ RS MAJOR MCOT กลุ่มประกัน BLA กลุ่ม commercial CPN รวมถึงหุ้นที่มักมีการเก็งกำไรก่อนการประกาศจ่ายปันผลเช่น CPF TVO GRAMMY TCAP MCS และ MCOT อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรควรมีจุด stop loss ตามสัญญาณทางเทคนิคประกอบด้วย
หุ้นแนะนำวันนี้: ทยอยสะสม ADVANC MCOT CPF
กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในช่วงไตรมาสที่ 3/54 แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่า ตลาดหุ้นยังมีโอกาสขึ้นไป 1250 จุด ในไตรมาสที่ 4 ดังนั้นแนะนำให้ถือหุ้นพอร์ตต่อไป และการปรับฐานเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นเพิ่ม โดยยังคงแนะนำให้สะสมเพิ่มเมื่อ SET index เข้าใกล้ 1060 จุด
ที่มา: หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น