Strategy
แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องการประกาศผลประกอบการ และเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงข่าวดีเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและการแถลงนโยบาย แต่เราเชื่อว่าตลาดหุ้นได้รับรู้ข่าวดีนี้ไปแล้วส่วนหนึ่ง ในขณะที่ตลาดจะเริ่มมีผลตอบแทนต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงของตลาดที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็น
1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากสหรัฐฯ ต้องมีการตัดงบประมาณ เพื่อผ่านแผนปรับเพิ่มเพดานหนี้ และตัวเลข PMI ของหลายประเทศทั่วโลกเมื่อวานนี้ก็แสดงการชะลอลงอย่างชัดเจน
2) ปัญหาหนี้ในยุโรปที่พร้อมจะกลับมาทุกเมื่อ และอาจจะลุกลามเพิ่มขึ้น
3) ปัญหาเงินเฟ้อในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย
4) ความเสี่ยงเรื่องการปรับอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ลง ดังนั้นการเก็งกำไรที่เราแนะนำให้ทำได้ถึงต้นเดือนส.ค. คงต้องมีจุด stop loss ประกอบด้วย
แม้ว่าในระยะสั้นยังคงข่าวดีกระตุ้นตลาดได้อยู่ แต่ข่าวดีเหล่านี้กำลังทยอยหมดไป และจะเริ่มหาข่าวดีกระตุ้นตลาดระยะสั้นได้น้อยลง ดังนั้นเรายังคงมุมมองที่ตลาดจะปรับฐานในช่วงครึ่งเดือนหลังเดือนส.ค. ถึงเดือนก.ย. อยู่ โดยเราถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นปัจจุบัน Unrealized gain ของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 14.5% แล้ว ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในช่วง 2 ปีที่ผานมาที่ประมาณ 15% ก่อนจะมีแรงเทขายออกมา ซึ่งสนับสนุนว่าตลาดมีความเสี่ยงที่ใกล้จะถึงจุดขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติออกมา
สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้า นอกจากนี้หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกไม่ฟื้นตัวขึ้นมาดังคาด Fed จะหันมาใช้ QE3 ซึ่งก็เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในเอเชียเช่นกัน ในขณะที่การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ จะทำให้เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่น่าลงทุนในเชิงเปรียบเทียบ ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: แม้ว่าเรายังคงมีมุมมองว่าตลาดในเชิงบวกระยะสั้น แต่แนะนำให้จำกัดเงินในการเก็งกำไร หรือทยอยขายทำกำไร เนื่องจากข่าวดีในระยะสั้นใกล้หมดลงแล้ว โดยการเก็งกำไรแนะนำหุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไรออกมาดี และมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลด้วยเช่น HMPRO (คาดว่าจะจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น) MAKRO (4.40 บาทต่อหุ้น) BAFS (0.33 บาทต่อหุ้น) CPF (0.50 บาท) RATCH (1.1 บาทต่อหุ้น) TTW (0.15 บาทต่อหุ้น) ASP (0.07 บาทต่อหุ้น) TUF (0.6 บาทต่อหุ้น) TVO (0.87 บาทต่อหุ้น) KH (0.1 บาทต่อหุ้น) ADVANC (4.00 บาทต่อหุ้น) BEC (0.75 บาทต่อหุ้น) MAJOR (0.35 บาทต่อหุ้น) MCOT (0.9 บาทต่อหุ้น) LPN (0.2 บาทต่อหุ้น) SPALI (0.35 บาทต่อหุ้น) ROJNA (0.30 บาทต่อหุ้น) รวมถึงหุ้นที่มี P/E ถูก และมี ROE สูง ซึ่งประกอบไปด้วย AIT CSL LPN MCS RS SPALI STA TASCO และ TTW นอกจากนี้รวมถึงหุ้นที่มักมีการเก็งกำไรในช่วงก่อนประกาศจ่ายปันผลเช่น PTTCH CPF TVO DRT GRAMMY TCAP IT และ MCOT อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรควรมีจุด stop loss ตามสัญญาณทางเทคนิคประกอบด้วย
หุ้นแนะนำวันนี้: LH CPF RS
กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในช่วงไตรมาสที่ 3/54 แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่า ตลาดหุ้นยังมีโอกาสขึ้นไป 1250 จุด ในไตรมาสที่ 4 ดังนั้นแนะนำให้ถือหุ้นพอร์ตต่อไป และการปรับฐานเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นเพิ่ม โดยยังคงแนะนำให้สะสมเพิ่มเมื่อ SET index ต่ำกว่า 1050 จุด ตามการปรับประมาณการณ์ขึ้นของนักวิเคราะห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น