Daily Views
Strategy
ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากกว่าที่คาดเมื่อวานนี้ และดูเหมือนจะปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องในระยะสั้น จากเก็งกำไรเรื่องนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม domestic play เป็นหลัก เช่น ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี และข้าราชการ 15,000 บาทต่อเดือน ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% มีผลม.ค. ปีหน้า รับจำนำข้าว 15000 บาท เติมเงินกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท ฟื้นโครงการเอสเอ็มแอล บ้าน 0% 5 ปี รถคันแรกคืนภาษี เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ แก้ปัญหาหนี้รายละ 500,000 บาท บัตรเครดิตพลังงาน พัฒนา 25 ลุ่มน้ำ สร้างแอร์พอร์ตลิงค์ไปพัทยา รถไฟฟ้า 10 สายในกรุงเทพและปริมณฑล รถไฟความเร็วสูง หนองคายเชียงใหม่ 30 บาทรักษาทุกโรค
ดังนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นอาจปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 1113 จุด หรือเป็นจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในปีนี้
ดังนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นอาจปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 1113 จุด หรือเป็นจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ว่าจะเป็นไปในลักษณะ sideway up มากกว่าที่จะขึ้นไปทันทีเนื่องจากตลาดหุ้นโลกยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ และการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การหมดลงของ QE2 จะจำกัดสภาพคล่องในตลาดโลก รวมถึงจำกัดการขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงนี้หลังจากที่รับรู้ข่าวดีเรื่องการเมืองไปแล้ว ช่วงที่เหลือในไตรมาสที่ 3 ก็จะรอดูความชัดเจน และผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากนโยบายต่างๆ ดังนั้นเรายังมองว่าไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อีกและต่ำกว่าระดับ 1000 จุด (downside risk อยู่ที่ 970 จุด) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค.
สำหรับไตรมาสที่ 4 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเราเชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชียจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้าสำหรับของประเทศไทย ดังนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3
โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด
โดยคงเป้าหมาย SET index ปีนี้ที่ 1250 จุด
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: หุ้นขึ้นแรงมากกว่าที่เราคาดไว้เมื่อวานนี้ โดยทะลุแนวต้าน 1082 ขึ้นมา ทำให้มีแนวโน้มว่าจะขึ้นไปได้ต่อทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1113 จุด แต่เรายังคงแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรเมื่อหุ้นปรับเพิ่มขึ้น ส่วนการเก็งกำไร แนะนำหุ้นใน SET50 ที่นักลงทุนต่างประเทศยังซื้อคืนไม่มาก และยัง underperform SET เช่น TISCO KTB BBL PS LH HMPRO MINT BANPU และ SCC รวมถึงเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เช่น KTB BBL TISCO CPALL HMPRO SPALI PS LOXLEY RS MAJOR BGH MINT
หุ้นแนะนำวันนี้: SPALI BBL MINT
กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน): แม้ว่าเราจะมองตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในช่วงไตรมาสที่ 3/54 แต่เรายังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้น โดยเราเชื่อว่า stagflation หรือ Double dip ที่กังวลกันยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย โดยเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงช่วงนี้ เป็นผลเพียงแค่ระยะสั้น จากเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น
ที่มา: บล. กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
การรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันนี้ ดังนี้
บล. ซีไอเอ็มบี ไทย ให้กรอบแนวต้านไว้ที่ 1,100 จุด แนะให้นักลงทุนทยอยขาย
บล.คันทรี่กรุ๊ป ให้กรอบเคลื่อนไหวดัชนีไว้ที่ 1,080 – 1,115 จุด แนะลงทุนหุ้น บมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) และบมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART)
บล. บีฟิท ให้แนวรับที่ 1,072 จุด และแนวต้านที่ 1,102 – 1,113 จุด แนะลงทุนบมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) และบมจ. จัสมินอินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)
บล. ไอร่า ให้กรอบเคลื่อนไหวดัชนีไว้ที่ 1,080 – 1,120 จุด แนะลงทุนหุ้น บมจ. ปตท. เคมิคอล (PTTCH)
ที่มา: www.stock2morrow.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น