วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

หนังสือดีต้องบอกต่อ (1)


สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านบทความนี้กันทุกคนครับ ช่วงนี้มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ก็ดูเงียบเหงาเหลือเกิน บวกกับช่วงนี้ผมก็ย้ายงานไปอยู่บ้านหลังใหม่ ก็เลยไม่ค่อยได้ดูตลาดหุ้นซักเท่าไหร่นัก (กำลังทำ Product ให้ลูกค้าในหลายๆ ตัวอยู่ครับ
ก็เลยคิดว่าถือโอกาสนี้เขียนแต่บทความที่ผมอ่านแล้วรู้สึกชอบๆ มาให้อ่านกันครับ) มาจากหนังสือ เงินงอกเงย ของสำนักพิมพ์ The Nation ซึ่งเอามาทำเป็น 100 ภารกิจในการดูแลเงินในกระเป๋าของพวกคุณ
โดยหนังสือเงินงอกเงยนี้ ได้แปลมาจากหนังสือชื่อ Make More Money เป็นหนังสือที่รวบรวมหนังสือคลาสสิก 4 เล่ม (1. Think and Grow Rich, 2. The Way to Wealth, 3. The Richest Man in Babylon, 4. Extraordinary Popular Delusions and the Madness of Crowds) มาใส่เคล็ดลับทางการเงิน ให้ข้อคิดเตือนใจกับนักอ่านทุกคนครับ

ครั้นจะเอามาทุกบทความผมก็กลัวหนังสือจะฟ้องร้องผมได้ (ก็ขอคัดเป็นตอนๆ ละกันนะครับ ที่ผมชอบจริงๆ) ก็จะขอเริ่มจากตอนในหนังสือชื่อ The Richest Man in Babylon เป็นหนังสือที่ตัวเอกคือบันชีร์ ผู้พยายามหาทางหลุดพ้นจากความยากจน จนไปพบกับเศรษฐีแห่งบาบิโลนผู้แนะนำเคล็ดลับมากมายในการสร้างความมั่งคั่ง และที่สำคัญยังนำเสนอหลักการ 7 ข้อในการเก็บรักษาเงินในกระเป๋าเอาไว้อีกด้วย

ภารกิจที่ 33 คนแบบเดียวกัน ชอบอยู่ด้วยกัน

บันชีร์สับสนกับสถานการณ์ของตัวเอง เขาบอกเพื่อนว่า "หลายปีมานี้เราทำมาหากินได้เงินมามากพอควร แต่หลังจากตรากตรำมาครึ่งชีวิต..เพื่อนรัก..กระเป๋าของเจ้ายังว่างเปล่าของข้าก็ไม่มีอะไรเหมือนกันกัน มันเป็นเพราะอะไร"

      ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนที่มีนิสัยคล้ายกันมันอยู่ด้วยกันได้เวลาคนเราตัดสินว่าอะไร "ปกติ" หรือยอมรับได้ เรามันมองไปที่คนรอบๆ ตัวว่าเขาคิดอย่างไร พ่อแม่ ครูและเพื่อนต่างมีอิทธิพลต่อความคิดและสิ่งที่เราเชื่อ ผลในด้านดีคือ ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ แต่ว่าผลเสียก็มีเหมือนกัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราพยายามจะหนีออกนอกกรอบ เมื่อนั่นเราจะพบกับแรงต้านเสมอ

      มีการทดลอดหนึ่งที่สามารถอธิบายความจริงข้างต้นได้อย่างมีน้ำหนัก นักวิทยาศาสตร์นำลิงหลายตัวมากักรวมกันไว้ มีเสาไม้สูงอยู่ตรงกลางคอก บทยอดมีกล้วยแขวนอยู่หนึ่งเครือ ลิงที่พยายามปีนขึ้นไปบนเสาจะถูกฉีดด้วยน้ำแรงดันสูง แม้วิธีนี้จะไม่ทำให้ลิงบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสำหรับมัน ในที่สุดลิงทุกตัวก็เลิกล้มความพยายามจะปีนเสาขึ้นไปเก็บกล้วย

      จากนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้แยกลิงตัวหนึ่งออกมา แล้วนำลิงตัวใหม่เข้าไปไว้ในคอกกัก แม้ลิงตัวใหม่จะเข้ากันได้ดีกับลิงที่เหลือ แต่ทุกครั้งที่ลิงตัวใหม่ปีนขึ้นไปบนเสาเพื่อหยิบกล้วย ลิงที่เหลือจะพากันดึงมันลงมา ทั้งที่ไม่มีใครฉีดน้ำใส่ ประสบการณ์สอนให้พวกมันเชื่อว่า ถ้าปีนขึ้นไปบนเสาจะต้องเจ็บตัว ด้วยเหตุนี้มันจึงพยายาม "ช่วย" ลิงตัวใหม่ไม่ให้ต้องเจ็บตัวเหมือนกัน

     ไม่นานนัก เจ้าลิงตัวใหม่ก็ไม่ยอมปีนขึ้นไปบนเสาอีก ลิงกลุ่มแรกถูกเปลี่ยนออกไปทีละตัว มีลิงตัวใหม่เข้ามาแทนจนครบ จนกระทั่งไม่มีลิงตัวใดในกรงที่เคยเห็นหรือมีประสบการณ์เคยถูกน้ำพ่นใส่ ถึงกระนั้นก็ไม่มีลิงตัวไหนกล้าปีนขึ้นไปบนเสาเลย

    มนุษย์เราก็เหมือนลิงในการทดลองนี้ เราตัดสินว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่โดยดูจากคนรอบข้าง ถ้าคุณเป็นหนี้ แล้วครอบครัวหรือเพื่อนคุณก็เป็นหนี้เหมือนกัน คุณก็คงคิดว่าการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ใช่ไหม อันที่จริงการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องดี แต่ถึงคุณจะรู้และพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง คนรอบข้างก็จะพยายาม "ดึงคุณลงมาจากเสา" ในด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะคนเหล่านั้นไม่อยากเห็นคุณล้มเหลว แต่อีกด้านหนึ่งเข้าก็ไม่อยากเห็นประสบความสำเร็จเหมือนกัน มิฉะนั้นพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย
 
    ดังนั้นถ้าคุณพยายามเปลี่ยนสภาพที่เป็นอยู่ คุณจะพบกับการต่อต้าน เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนที่น่าจะรักเรามากที่สุด กลับเป็นคนที่ำให้เราหมดกำลังใจมากที่สุด (โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน)

    แล้วคุณล่ะ? อยากกินกล้วยหรืออยากถูกดึงลงจากเสา??

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น